กรุงเทพฯ, 26 มีนาคม 2567 – บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองดำเนินธุรกิจครบปีพร้อมเขย่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่พร้อมกันถึง 4 รุ่นในงาน มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 45นำเสนอความงามของบูธในธีม Pixel Cloud
ผสานความงามล้ำสมัยเข้ากับงานศิลป์แบบดิจิตอลสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับผู้เข้าชม นอกจากนั้น ยังมี RN22e Rolling Lab
รถยนต์ต้นแบบจากโลกอนาคตมาให้สัมผัสในงาน
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังขนทัพยนตรกรรมรุ่นล่าสุดหลากหลายรุ่นมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานทั้ง IONIQ 6 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่จะมาเสริมทัพความสำเร็จของ IONIQ 5, Creta Alpha พร้อมดีไซน์อันโดดเด่น, Stargazer X6 / X7 ที่มากด้วยประโยชน์ใช้สอย และ Staria
สุดพรีเมียม โดยรถยนต์รุ่นใหม่แต่ละรุ่นจากฮุนได ล้วนตอกย้ำคำมั่นของบริษัทฯ ที่จะร่วมขับเคลื่อนโมบิลิตี้ในประเทศไทยไปสู่อนาคต
นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บูธธีม Pixel Cloud สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่มุ่งสรรค์สร้างนวัตกรรมเพื่ออนาคต โดยเรามอบให้ได้มากกว่ายานพาหนะ เพราะเรายังมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าดื่มด่ำให้ด้วย และในโอกาสที่ดำเนินธุรกิจครบ 1 ปีในประเทศไทย เราจะรักษาคำมั่นในการมอบนวัตกรรม, คุณภาพ, ความปลอดภัย และความพึงพอใจให้กับลูกค้าของเราต่อไป เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์ฮุนไดสู่แบรนด์รถยนต์ระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรม
เราจะยังเดินหน้ามอบนวัตกรรมด้านขุมพลังไฟฟ้า และสรรค์สร้างโมบิลิตี้อันชาญฉลาดให้กับผู้บริโภคอย่างไม่หยุดยั้ง
ตามภารกิจหลักของเรา - ความก้าวหน้าเพื่อมนุษยชาติ”
RN22e Rolling Lab เป็นรถยนต์ต้นแบบที่จะแสดงให้เห็นถึงอนาคตของรถยนต์สมรรถนะสูง พร้อมมอบอีกระดับของประสบการณ์การขับขี่ด้วยขุมพลังไฟฟ้า พร้อมยึดมั่น 3 แกนหลักของแบรนด์ N ทั้ง ‘สมรรถนะบนทางโค้ง’, ‘ความแรงในสนามแข่ง’ และ
‘รถสปอร์ตที่ใช้งานได้ทุกวัน’ โดยสิ่งที่ทีมพัฒนารถยนต์ของฮุนไดเรียนรู้จากรถยนต์ต้นแบบคันนี้ ได้ถูกนำมาพัฒนาต่อเป็นรถยนต์ที่ออกจำหน่ายจริง ซึ่งนำมาจัดแสดงในงานนี้เช่นกันทั้ง Elantra N และ IONIQ 5 N IONIQ 6 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากฮุนได การันตีคุณภาพและสมรรถนะด้วยรางวัลจากเวที World Car Awards 2023 ถึง 3 สาขา ทั้งรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี, รางวัลรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยม และ รางวัลรถยนต์ดีไซน์ยอดเยี่ยม ดีไซน์ของ IONIQ 6 ผสานความสง่างามเข้ากับความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Parametric Pixel อัตลักษณ์ของ IONIQ ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระบบไฟ Dual Ambient Mood Lighting พร้อมระบบ infotainment ล่าสุด ทั้งหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว และเครื่องเสียง BOSE premium sound system
IONIQ 6 ยังเพียบพร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง Hyundai SmartSense เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ด้านสมรรถนะโดดเด่นด้วยการขับเคลื่อนของ มอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลัง 229 แรงม้า 350 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แบบ Lithium-Ion ขนาด 77.4 kWh ขับได้ไกลสุด 545 กม. ตามมาตรฐาน WLTP โดย IONIQ 6 เปิดตัวราคาพิเศษเริ่มต้น 1,899,000 บาท (และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติภายใต้โครงการ EV 3.5)
ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ยังเปิดตัว Creta Alpha เพื่อสานต่อความสำเร็จของ Creta Black Edition รุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัด ซึ่งเปิดตัวในปีก่อนและจำหน่ายหมดภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ Creta Alpha ไปให้สุดได้ทุกทาง ด้วยตัวถังสีดำด้าน Midnight Matte Black ไม่ซ้ำใคร อุปกรณ์ตกแต่งภายนอกทั้งหมด รวมถึงล้อขนาด 17 นิ้ว ล้วนมาในสีดำ เพื่อเพิ่มความเข้มอีกขั้น ภายในแตกต่างเช่นกัน
ด้วยการใช้แถบสีแดงและตะเข็บสีแดงตกแต่งรอบห้องโดยสาร
พร้อมมอบความสุนทรียภาพให้ผ่านเครื่องเสียง BOSE Premium Sound System สำหรับราคาเปิดตัว The New Creta Alpha เริ่มต้นที่ 929,000 บาท Stargazer X6 และ X7 อีกหนึ่งรถยนต์อเนกประสงค์ที่จะมาเสริมทัพรถยนต์ในกลุ่ม Mini MPV ของฮุนได ซึ่งในตอนนี้มีให้เลือกทั้งรุ่น 6 และ 7 ที่นั่ง พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งยังโดดเด่นด้วยทางเลือกตัวถังสีด้านทั้ง สีขาว Optic White Matte และ สีทอง Gravity Gold Matte เปิดประสบการณ์สุนทรียภาพ ด้วยเสียงคุณภาพสูงผ่านเครื่องเสียง BOSE Premium
Sound System ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน Smartstream 1.5L MPI ที่ให้ทั้งความประหยัดและตอบสนองฉับไว
มั่นใจในความปลอดภัยด้วยแพ็กเกจระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Hyundai SmartSense
ภายในงานนำเสนอ Stargazer X6 ในราคาเริ่มต้น 949,000 บาท และ Stargazer X7 ที่ 929,000 บาท ในงานยังเปิดตัว Staria รุ่นใหม่ รถยนต์หรูสำหรับครอบครัวที่มีดีไซน์โดดเด่น มากด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และเบาะที่ปรับได้หลายรูปแบบ Staria รุ่นใหม่
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ มอบสมรรถนะเต็มระดับ แต่มลพิษลดลงและผ่านมาตรฐาน Euro 5
ภายนอกยังปรับรูปลักษณ์ด้วยโลโก้แบรนด์แบบใหม่สองมิติ ห้องโดยสารมีประโยชน์ใช้สอยกว่าเดิมด้วยช่องชาร์จแบบ USB Type C พิเศษเฉพาะ Staria Premium รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับเสาอากาศแบบครีบ และล้อสีดำเงา Black High Gloss เพื่อรูปลักษณ์ที่แตกต่าง โดย The New Staria Trend S นำเสนอราคาเริ่มต้นที่ 1,819,000 บาท และ The New Staria Premium ที่ 2,419,000 บาท ฮุนไดยังมอบที่สุดของแพ็กเกจบริการหลังการขาย โดดเด่นเหนือใครสงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้า IONIQ พร้อมขจัดทุกข้อกังวลของการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าด้วย การรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม., การรับประกันแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงนาน 8 ปี หรือ 160,000 กม., ฟรีค่าแรงเช็กระยะตามตารางบำรุงรักษา 10 ปี หรือ 150,000 กม., สิทธิประโยชน์รับบริการ Charge anywhere service, สิทธิประโยชน์รับบริการ Pick up and Delivery, บริการยก/ลากไม่จำกัดจำนวนครั้ง และ ฟรีโฮมชาร์จเจอร์ รับประกันนานถึง 3 ปี พร้อมฟรีค่าแรงติดตั้งโฮมชาร์จเจอร์ พิเศษสุด ฮุนไดยังมอบเครดิตชาร์จฟรีจาก Shell Recharge มูลค่า 5,000 บาท จำนวนจำกัด
นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวเสริมเรื่องแพ็กเกจว่า “บริษัทฯ เข้าใจถึงความกังวลของลูกค้า ที่อาจทำให้เกิดการลังเลระหว่างการพิจารณาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่เราจะสร้างความมั่นใจให้ทุกท่าน และมอบประสบการณ์การครอบครองรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไร้กังวล ด้วยที่สุดของแพ็กเกจบริการหลังการขาย ทั้งยังเป็นการตอกย้ำว่าฮุนไดพร้อมเคียงข้างคุณบนทุกเส้นทาง และพร้อมก้าวสู่อนาคตกับยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมั่นใจ” เพื่อแสดงความขอบคุณผู้บริโภคชาวไทยที่ให้การสนับสนุน ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย และเฉลิมฉลองในโอกาสที่ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการครบ 1 ปี บริษัทฯ ขอมอบส่วนลดเงินสดสูงสุดมูลค่า 150,000 บาท หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และ ฟรีค่าแรงเช็คระยะ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถ
ภายในวันที่ 30 เมษายน 2567 พบกับ PONY รถยนต์รุ่นแรกของฮุนไดในโลกเสมือนจริงผ่าน ZEPETO เครือข่ายโซเชียลโลกอวตา สามมิติซึ่งกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก ในธีมของ ‘กรุงโซลเหนือกาลเวลา’ ซึ่งจะพาผู้เล่นย้อนเวลา กลับไปสัมผัสบรรยากาศย้อนยุคของกรุงโซลในปี 1970 – 1980 และดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมของเกาหลีในอดีต ทั้งหมดนี้พร้อมให้ทุกท่านสัมผัสที่บูธหมายเลข A03 ของงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี วันที่ 27 มีนาคม - 7 เมษายน 2567