กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP ประกาศความสำเร็จกิจกรรมบ่มเพาะแบรนด์ไทย หรือ IDEA LAB รุ่นที่ 5 นำพา 15 SMEs ไทยพัฒนากลยุทธ์สร้างแบรนด์ ค้นหา DNA ที่แท้จริง ยกระดับเพื่อสร้างจุดแข็ง เตรียมพร้อมสำหรับสื่อสารแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักต่อไปภายใต้เศรษฐกิจยุคใหม่ต่อไป มุ่งสู่เป้าหมายในเวทีการค้าโลก
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า กิจกรรมบ่มเพาะ แบรนด์ไทย รุ่นที่ 5 หรือ IDEA LAB 5 เป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่กรมได้ดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศของไทย ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์(นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) โดยเน้นส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ รวมถึงสร้างความเข้มแข็งและความพร้อมด้านการค้าภายใต้เศรษฐกิจยุคใหม่ ที่ผู้บริโภคมองหาแบรนด์ที่มีความเฉพาะตัว สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น มีคุณธรรม และมีความยั่งยืน ในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Local Brand Building for Global Market” ได้มีการอบรมสัมมนาด้านการสร้างแบรนด์ กิจกรรมเวทีนำเสนอกลยุทธ์ และกิจกรรมให้คำปรึกษาเชิงลึก ตั้งแต่เดือนมีนาคม - มิถุนายน 2565
นางสาวประอรนุช ประนุช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กล่าวว่า จากผู้ประกอบการที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรมเชิงลึกกว่า 146 ราย มีผู้ผ่านการคัดเลือกและได้รับการบ่มเพาะกลยุทธ์แบรนด์ของตนเอง จำนวนทั้งสิ้น 15 แบรนด์ ใน 3 กลุ่มสินค้า ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ได้แก่ กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร 7 แบรนด์ กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม 2 แบรนด์ และกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์และหัตถกรรม 6 แบรนด์ ตลอดระยะเวลาของกิจกรรม ผู้เข้าร่วมมีการพัฒนากลยุทธ์การสร้างแบรนด์เฉพาะรายซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญในการค้นหาจุดแข็งและการสร้างความแตกต่าง รวมไปถึงแนวทางการสื่อสารแบรนด์ เพื่อออกมาเป็น Brand Bible และในกิจกรรม Pitching วันสุดท้ายก่อนการรับมอบประกาศนียบัตรนั้นยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารองค์กรธุรกิจค้าปลีก และผู้นำในด้าน Retail Business ชั้นนำของประเทศ ร่วมให้คำแนะนำถึงโอกาสทางการค้าซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในการสร้างคุณค่าของแบรนด์สินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลและให้สามารถขยายมูลค่าการค้าระหว่างประเทศต่อไป
นายสรกิจ มั่นบุปผชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เศรษฐ์อินเตอร์เทรด จำกัด ในฐานะผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องใช้เซรามิกสำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมอันดับต้นๆ ของประเทศไทย เจ้าของแบรนด์ PASHA (ปาศะ) กล่าวว่า ที่ผ่านมามุ่งมั่นกับการขยายตลาด ออกแบบและผลิตให้กับลูกค้ามากมาย และต้องทำให้ลูกค้าพึงพอใจที่สุด แต่สินค้าที่ผลิตให้ลูกค้านั้นไม่สมควรระบุแบรนด์ของเราเข้าไป แบรนด์จึงเป็นที่รู้จักในวงจำกัดแค่เพียงเครือข่ายธุรกิจโรงแรมทั่วโลก จึงมาถึงจุดที่ต้องเริ่มสร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์ PASHA มากขึ้นจึงเข้าร่วมโครงการ IDEA LAB โดยเนื้อหาที่ชอบที่สุดของ IDEA LAB คือเรื่อง Brand Identity / Corporate Identity แม้ว่าจะมีมานานแล้ว แต่ก็รู้เอง เข้าใจเอง ไม่เคยส่งต่อเรื่องราวเหล่านี้ออกไปให้สาธารณชนได้รับทราบ แต่ขณะนี้โควิด-19 ที่ทำให้โลกเปลี่ยนไป จากการได้พบปะคู่ค้า ลูกค้าผ่านการไปออกงานแสดงสินค้า ก็ต้องปรับเปลี่ยนกันใหม่ผ่านการพบกันในรูปแบบออนไลน์ จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะสร้างให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าแบรนด์มีจุดยืนอย่างไร การวิเคราะห์แบรนด์จากที่ปรึกษาทำให้เข้าใจตัวเองได้มากกว่าในอดีต รู้แนวทางที่จะพัฒนาต่อ และเตรียมจะสื่อสารกับสังคมมากขึ้น มองเห็นแนวทางที่จะนำเสนอลูกค้าด้วยวิธีการใหม่ ๆ มีวิธีวัดผลที่เป็นรูปธรรม ตลอดจนไอเดียของการสร้างแบรนด์ร่วมกัน (Co-Branding) กับพันธมิตรรายอื่นๆ
ด้าน นางภัทรภร ศุภศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภัทรภร โฮมเมด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดมะม่วงหิมพานต์คาราเมลภายใต้แบรนด์ “Pattaraporn” กล่าวว่า จุดเด่นของสินค้าคือการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ คือเม็ดมะม่วงจากหิมพานต์จากจ.ศรีสะเกษ นำมาคั่วตามสูตรลับไทยคาราเมลที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นด้วยกระทะทองเหลือง ด้วยกรรมวิธีทั้งหมดนี้จึงนิยามผลิตภัณฑ์ว่า Authentic Thai Homemade และใช้สื่อสารกับลูกค้ามาโดยตลอด แต่การเป็นผู้ประกอบการรายเล็กทำให้ต้องพยายามต่อยอดความรู้อยู่เสมอ จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ IDEA LAB และสิ่งที่ได้รับนั้นคุ้มค่ามาก DNA ของแบรนด์ชัดเจนขึ้นมาก ช่วยสร้างความมั่นใจว่าแบรนด์กำลังเดินมาถูกทาง ผู้เชี่ยวชาญของโครงการวิเคราะห์แบรนด์แล้วบอกว่า Pattaraporn คือ ส่วนสำคัญในการเติมเต็มความประทับใจในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต ในการเป็นของขวัญ ของฝากเช่นเดียวกับที่ได้วาง Positioning นี้มาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ร่วมกันออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่เพื่อยกระดับแบรนด์ให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น สะท้อนความเป็นไทยที่มีระดับ หลังจากนี้ที่เริ่มเปิดเมือง นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยได้ ภัทรภร โฮมเมดก็จะเดินหน้าต่ออย่างเต็มที่
ส่วน นางสาวเข็มอัปสร สิริสุขะ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งแบรนด์ SIRITHAI (สิริไท) กล่าวว่า การเป็น Social Enterprise ขนาดเล็กอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับการนำพาแบรนด์ให้เติบโต โดยที่ยังสามารถดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ด้วยกันได้อย่างยั่งยืน หลังจากสร้างแบรนด์มาปีกว่าเริ่มมองถึงอนาคตที่ต้องการขยายตลาดและผลักดันให้แบรนด์เดินหน้าต่อไปได้ ด้วยการแปรรูปข้าวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในด้านอื่น ๆ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ภายใต้แกนหลักคือการดูแลผืนป่าและชุมชน ซึ่งทั่วโลกประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นที่ได้รับความสนใจมาก ผู้คนหันมาให้ความสำคัญอย่างจริงจัง เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยในการส่งเสริมให้แบรนด์เติบโตได้ โดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมายสำคัญอย่าง ยุโรป จีน และตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นเป้าหมายที่มีศักยภาพ
โครงการ IDEA LAB นั้น วางกระบวนการทั้งหมดเพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความรู้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกแรกจนถึงเกิดเป็น Brand Bible ไว้ดีมาก เป็นการช่วยตกผลึกอัตลักษณ์และตัวตนของแบรนด์อย่างชัดเจน ทำให้แบรนด์มั่นใจในทิศทางการสื่อสารหลังจากนี้ว่าจะโฟกัสเรื่องการดูแลป่าที่เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ ขณะเดียวกันยังเน้นการใช้ทุกอย่างให้เกิดคุณค่า ลดการสร้างคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) เพราะหากสิ่งแวดล้อมดี สังคมดี แบรนด์ก็จะอยู่ได้
สำหรับผู้ประกอบการทั้ง 15 แบรนด์ที่ผ่านการคัดเลือก ได้แก่ แบรนด์ PAHKAHMAH THAILAND จ.นครปฐม, แบรนด์ MORA จ.สงขลา, แบรนด์ PATTARAPORN กรุงเทพฯ, แบรนด์ LEAFIA จ.ตรัง, แบรนด์ MAKA จ.นนทบุรี, แบรนด์ COSMOS & HARMONY จ.สมุทรปราการ, แบรนด์ THE REMAKER กรุงเทพฯ, แบรนด์ SIRITHAI กรุงเทพฯ, แบรนด์ PASHA กรุงเทพฯ, แบรนด์ ORGANEH จ.พัทลุง, แบรนด์ JUN เชียงใหม่, แบรนด์ ARIS GELATO จ.สมุทรปราการ, แบรนด์ UPCYDE จ.สุพรรณบุรี, แบรนด์ MC JABRIAL, MEDISILK จ.พะเยา และแบรนด์ BIOBLACK กรุงเทพฯ
***********************