ช่วงเวลาแห่งความผันผวนที่ผ่านมา ก่อให้เกิดวิถีชีวิตใหม่ ผู้บริโภคในระดับสากลเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตลดการรับประทานอาหารนอกบ้าน ปรุงอาหารเพื่อรับประทานเองมากขึ้น นิยมสินค้าที่เป็นของแท้ หรือ มีความดั้งเดิม Authenticityหรือมีความเป็นท้องถิ่น Local ยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภครวมถึงการพัฒนากลยุทธ์ด้านตลาดระหว่างประเทศให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและแบรนด์สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปสู่ตลาดโลก หรือ THAI SELECT APPRENTICES PROGRAM: T-SAPPเป็นปีที่ 2 และมีตัวอย่างผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการที่น่าสนใจซึ่งได้เข้าร่วมโครงการ และได้พัฒนารูปแบบความคิด ปรับกลยุทธ์หรือเปลี่ยนมุมมองใหม่ ๆ ในการเจาะตลาดต่างประเทศ“ไคซิน” อาหารเจวีแกนตำรับไทยปักหมุดขยายความอร่อยสู่ต่างชาติ
ประวิทย์ ชัยสิริสัมพันธ์ เจ้าของแบรนด์ไคซิน (KAIXIN) เล่าว่า ไคซิน เป็นแบรนด์ที่มาจากร้านไคซินไช่ ที่ขายอาหารเจมังสวิรัติซึ่งเปิดมาแล้ว 8 ปี แต่ด้วยเมื่อโควิด-19 ระบาด ส่งผลให้ร้านเริ่มมียอดขายที่น้อยลงเห็นได้ชัด ทำให้ปีที่ผ่านมาตัดสินใจทำแบรนด์สินค้าและมองว่าการมีสินค้าอาหารเจวีแกนสำเร็จรูปออกมาจำหน่ายจะช่วยให้เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ๆ ได้ด้วยซึ่งเริ่มแรกกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่รับประทานอาหารเจทั่วไปแต่เป้าหมายการทำแบรนด์ไคซินนั้นต้องการให้ทุกคนที่รักสุขภาพสามารถรับประทานอาหารเจวีแกนในแบบที่ได้ทั้งสุขภาพและได้รสชาติอร่อย จึงเลือกเมนูเด็ดในร้านที่ขายดี อาทิ ข้าวแรมฟืน แค๊บหมูเจ ผลิตออกมาวางขายในร้านและมีส่งเดลิเวอรี่ด้วย
หากถามว่าต้องการไปตลาดต่างประเทศหรือไม่ ?
ในช่วงก่อนเข้าร่วมโครงการต้องยอมรับว่ามองแบรนด์ไคซินไว้แค่การวางจำหน่ายในไทย แต่หลังจากเข้าร่วมอบรม T-SAPP แล้วทำให้รู้ว่าลูกค้าของแบรนด์แท้จริงแล้วเป็นใครบ้างจะต้องทำการตลาดอย่างไรให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในวงที่กว้างขึ้นค้นพบแนวทางการพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพเพื่อสอดรับกับมาตรฐานของตลาดโลก“เราอยากไปตลาดต่างประเทศ แต่เราแค่ยังขาดประสบการณ์และความรู้ในการสร้างแบรนด์อาหารไทยในรูปแบบเจวีแกนดังนั้นการเปิดโอกาสให้ตัวเองเข้ามาอบรมในโครงการ T-SAPP นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการทำ Branding สำหรับไคซินกูรูทุกท่านที่เข้ามาให้คำแนะนำในโครงการนี้ได้ให้ความรู้ที่เป็นคัมภีร์หลักในการทำแบรนด์ที่สามารถหยิบมาอ่านได้ตลอด”“ปลาสลิด พอดีคำ” เปลี่ยนมุมคิดวิธีกินปลาสลิดทอดกรอบไปตลอดกาล
”ปฤษณา วิมลศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปลาสลิดพอดีคำ จำกัด เจ้าของแบรนด์ปลาสลิด พอดีคำ (Zalid Por Dee Kum)เล่าว่า แบรนด์เริ่มต้นจากความรักของตัวเองที่มีต่อลูก อยากให้ลูกได้กินปลาสลิดที่อร่อยและเป็นของขึ้นชื่อของชาวบางปะกงหรือบ้านเกิด จึงหาวิธีให้ลูกได้กินปลาสลิดที่กินง่าย สะดวก และไม่ต้องกังวลเรื่องก้างติดคอ
จึงแล่เอาก้างออกเหลือแต่เนื้อล้วนๆ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ปลาสลิด 1 ชิ้น ต่อข้าว 1 คำ
จึงเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ ปลาสลิด พอดีคำโดยมีความคิดว่าทุกผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ มีความแตกต่าง เน้นความสะดวกพร้อมรับประทานให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมปัจจุบัน ด้วยการคัดเลือกวัตถุดิบจากในท้องถิ่นที่มีคุณภาพ มาพัฒนาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ปลาสลิดรูปแบบใหม่ จากความร่วมมือของผู้สูงอายุในชุมชนหรือพูดได้ว่าจากวัตถุดิบในท้องถิ่นสู่กระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐานสากล ปลาสลิด พอดีคำจึงเป็นการสร้างรูปแบบใหม่ของการรับประทานปลาสลิดทอด อบแห้ง ที่ สะดวกสบาย กินง่าย พร้อมรับประทานเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มคนที่รักชอบปลาสลิด
โดยช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีลูกค้าซึ่งอาศัยอยู่ในต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียรับประทานผลิตภัณฑ์ปลาสลิดพอดีคำและชื่นชอบ จึงสั่งสินค้าเพื่อนำไปจำหน่ายทำให้แบรนด์มองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจเข้าร่วมอบรมกับ T-SAPPและหลังจากที่ได้เข้าร่วมอบรมทำให้แบรนด์ปลาสลิดพอดีคำมีความชัดเจนในเรื่องทิศทางการทำตลาดมากขึ้น“โครงการ T-SAPP ช่วยให้แบรนด์โมเดลของปลาสลิดพอดีคำชัดเจนขึ้น เข้าใจคุณค่าของผลิตภัณฑ์ การทำการตลาดการออกแบบแพคเกจจิ้งที่เหมาะสมกับแบรนด์ และหลังจากจบโครงการปลาสลิดพอดีคำก็จะได้ยื่นสมัครขอรับตรา Thai SELECTต่อไปด้วย เพราะเชื่อว่าการได้ตราสัญลักษณ์ THAI SELECT เป็นการช่วยการันตีถึงคุณภาพของอาหารไทยสำเร็จรูปที่ได้มาตรฐาน
”‘เทพา’ นำพาเครื่องเทศคุณภาพสูงหัวใจหลักอาหารไทยสู่ตลาดโลกจากจุดเริ่มต้นของสามเกลอเสมอใจ ชื่อเรียกสินค้าที่ติดหูกันในโลกออนไลน์ทำให้ ภัณฑิลา เทพาคำ เจ้าของแบรนด์เทพา(TEPA) ต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่รูปแบบอื่น ๆ โดยได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้แบรนด์เทพามีลูกค้าเป็นกลุ่มแม่บ้านที่ทำอาหารรับประทานด้วยตัวเองหลังจากมีโควิด-19 ระบาดต่อเนื่องทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มหันมาประกอบอาหารเอง
ดังนั้นเครื่องปรุงสำเร็จรูปจึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทำให้ยอดขายในช่วงนั้นเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด การเข้าอบรมในโครงการ T-SAPPจึงเป็นอีกส่วนสำคัญในการเรียนรู้เพื่อต่อยอดเครื่องปรุงตำรับไทยในแบบสำเร็จรูปออกไปสู่ตลาดโลกจากประสบการณ์การเข้าร่วมในปีแรกแบรนด์เทพาได้เรียนรู้หลายอย่างในสิ่งใหม่ที่คิดไม่ถึง เมื่อมาถึงปีที่ 2แบรนด์มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าอยากเรียนรู้และพัฒนาในส่วนใดเพิ่มเติมทำให้เปลี่ยนความคิดจากเพียงแค่ไปฝากขายในร้านค้าในต่างประเทศ เป็นการโฟกัสการวางแผนขยายตลาดให้ลึกมากขึ้นและพิจารณาถึงการสร้างตัวแทนจำหน่ายที่ชัดเจนเพื่อให้แบรนด์เติบโตได้ในระยะยาว
“สำหรับสิ่งที่ได้รับในการเข้าอบรมนั้นเกินกว่าสิ่งที่คาดหวังอย่างมากทุกท่านที่เป็นกูรูด้านการทำตลาดแนะนำและชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่แบรนด์จะต้องเดินในก้าวต่อไปอย่างไร
หยิบยกขึ้นมาอธิบายให้เห็นความเป็นไปได้ชัดเจนขึ้น ทำให้เปลี่ยนวิธีคิดว่าจะเดินบนเส้นทางธุรกิจนี้อย่างไรเมื่อคิดแล้วก็ต้องทำออกมาเป็น Action Plan ทันที”เรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผู้ประกอบการที่ได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปสู่ตลาดโลกหรือ THAI SELECT APPRENTICES PROGRAM: T-SAPP สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามการเข้าร่วมในปีต่อไปได้ทาง www.ditp.go.th และ www.thaiselect.com