จากกรณีผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวรายย่อย จำนวนกว่า 10 ราย ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อกรมการท่องเที่ยว เพื่อให้ดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัททัวร์รายใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งมีพฤติกรรมไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงกับบริษัททัวร์รายย่อย
สร้างความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวรายย่อย (Retail) ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนและประชุมหารือ
กับกรมการท่องเที่ยว เพื่อให้ดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัททัวร์รายใหญ่รายหนึ่ง (Wholesale) ซึ่งมีพฤติกรรม
ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงกับบริษัททัวร์รายย่อย ส่งผลให้บริษัททัวร์รายย่อยต้องรับผิดชอบจัดทัวร์ขึ้นใหม่หรือคืนค่าทัวร์ให้แก่ลูกค้า สร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท
กรณีนี้ นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ในฐานะนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง
มอบหมายให้นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขากรุงเทพมหานคร ออกคำสั่งให้บริษัททัวร์รายใหญ่ดังกล่าวเข้าพบในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำใดที่ผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจ
นำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือไม่มาพบตามคำสั่ง จะมีบทลงโทษสูงสุดถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว และหากพบว่ามีการกระทำใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ตามมาตรา 24 กรมการท่องเที่ยวจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเป็นคดีอาญา ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท
กรมการท่องเที่ยวขอเรียนว่า พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ฯ ฉบับนี้ มีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองนักท่องเที่ยวจากการเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี จากลักษณะปัญหานี้กรมการท่องเที่ยวจะหาแนวทางป้องกัน ซึ่งอาจจำเป็นต้องพิจารณาปรับปรุงหรือมีมาตรการทางกฎหมายต่อไป