วันนี้ (21 มี.ค.66) เวลา 15.00 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล “ผู้เสียสละเพื่อสังคม” ครั้งที่ 11 ให้แก่ผู้ที่ทำความดี และเสียสละเพื่อสังคม จำนวน 10 รางวัล เพื่อยกย่องเป็นแบบอย่างการทำความดีเพื่อสังคมโดยไม่หวังผลตอบแทน โดยมี นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (อธิบดี สค.) กล่าวต้อนรับ ทั้งนี้ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. เข้าร่วมงานพร้อมแสดงความยินดีกับผู้รับรางวัล ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ
นายจุติ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งครอบครัวที่เป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนาคนและสังคม นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีและสังคมที่มีคุณภาพ อีกทั้งบูรณาการ การทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็ง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน เพราะกระทรวง พม. ทำงานเพียงหน่วยงานเดียว ย่อมไม่สามารถสำเร็จได้ วันนี้ จึงกำหนดจัดพิธีมอบรางวัลผู้เสียสละเพื่อสังคม เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติให้กับ 10 บุคคลต้นแบบทำความดีของสังคม และเสริมพลังภาคีเครือข่ายที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนและสังคม สำหรับการเข้ามามีส่วนร่วมในการทำความดี ด้วยการช่วยเหลือ สนับสนุน และสร้างกำลังใจให้กับกลุ่มเป้าหมายและกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนในสังคม
นายจุติ กล่าวต่อไปว่า วันนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลผู้เสียสละเพื่อสังคมมีความหลากหลายทั้ง 10 ท่าน ซึ่งแต่ละท่านสามารถถอดบทเรียนให้เป็นตัวอย่างแก่ประชาชนได้ และสิ่งที่แต่ละท่านได้ทำนั้น เป็นตัวอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้ได้ถอดเป็นบทเรียนว่า 1. ความเพียรชนะทุกอย่าง 2. รักในสิ่งที่ทำ มีความสุขในสิ่งที่ทำ และ 3. เป็นผู้ให้โดยไม่มีขอบเขต ดังนั้น สังคมได้รับประโยชน์จากทุกท่านที่ได้รับรางวัลในวันนี้ และที่สำคัญ แม้ไม่มีรางวัล ทุกท่านก็ไม่ต้องการอะไร นอกจากต้องการให้สังคมดีขึ้น ซึ่งสังคมรับรู้ได้ในสิ่งที่ทุกท่านทำ ทั้งนี้ ในนามของกระทรวง พม. ขอขอบคุณทุกท่านที่ทำความดีเพื่อสังคม
สำหรับผู้เสียสละเพื่อสังคมที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) คุณคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ผู้เป็นหลักสานต่องานสำคัญที่ยูนิเซฟที่ดำเนินการร่วมกับรัฐบาลไทยและพันธมิตรในการเข้าถึงเด็กและเยาวชน 2) คุณกัมพล ตันสัจจา ผู้มีปณิธานอันแน่วแน่ที่จะมอบมรดกทางธรรมชาติผ่านพันธุ์ไม้นานาพรรณ ณ สวนนงนุช พัทยา ให้เป็นมรดกทางการศึกษาแก่เยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้และพัฒนาสืบต่อไป 3) ดร.สมศักดิ์ ชลาชล แฮร์สไตลิสต์ชั้นนำของประเทศไทย ผู้ผลักดันอาชีพช่างผมไทยสู่สากลและเปลี่ยนชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยว 4) คุณณัฐริดา มงคลคีรี กาแฟพิเศษของลูกที่สะเทือนไปถึงสวนของพ่อ อ.แม่สอด จ.ตาก 5) คุณนุชนารถ บุญคง ผู้เยียวยาชีวิตเด็กชายขอบ ด้วยกระบวนการทางศิลปะ ที่ จ.เชียงราย ตั้งแต่ปี 2544 6) คุณพีระพงษ์ พิมตะวงศ์ (ครูเพียว) โรงเรียนวัดโตนด กทม. ครูที่เด็กอยากกอด 7) คุณสุเมธ บุญส่ง คนสู้ชีวิตที่เป็นทั้งช่างภาพและเด็กเข็นดอกไม้ปากคลองตลาด 8) คุณนฤพนธ์ ประธานทิพย์ วิ่งเปลี่ยนชีวิตจากอ้วน 100 กิโลกรัม สู่การวิ่ง 100 กิโลเมตร และเป็นนักวิ่งมาราธอนครองเหรียญ Six star finisher 9) คุณนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ผู้รักษา "หน้าที่" ด้วย "ชีวิต" และทวงคืนความยุติธรรมให้สามี (พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม) และ 10. คุณสมใจ สุขใจ (เด๋อ ดอกสะเดา) ศิลปินตลกผู้มอบชีวิตให้เด็กด้อยโอกาส ผู้เปลี่ยน "ดาวน์ซินโดรม" เป็น "ดาวตลก"
ด้านนางจินตนา กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวง พม. โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) เล็งเห็นว่าเนื่องจากเป็นช่วงเวลาสำคัญของเดือนแห่งสตรีสากล และใกล้จะถึงเดือนเมษายนซึ่งเป็นเดือนแห่งครอบครัวไทย จึงเป็นโอกาสอันดียิ่งที่จะ ยกย่องผู้ที่เสียสละที่ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นผู้ที่มีความเพียร เสียสละ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นตัวอย่างที่ดี ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตัวเอง โดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งคนตัวเล็ก ๆ ก็สามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่เพื่อสังคมได้ จึงขอชื่นชมและยกย่องทุกท่านที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ที่แสดงให้เห็นถึง “พลังความเสียสละ ที่เปลี่ยนมุมมองชีวิต ให้สังคมน่าอยู่ และสุขใจ” โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเพศ หรือสถานะ ทางสังคมแต่อย่างใด
กระทรวง พม. ให้ความสำคัญกับทุกคนที่ทำงานเพื่อสังคม ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของสังคม กระทรวงยินดีที่จะสนับสนุนและทำงานร่วมกันโดยไม่ได้เลือกเพศ วัย ตำแหน่ง เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในสังคม การทำความดีเริ่มต้นที่ตัวเรา สิ่งที่ดี ก็จะเกิดกับตัวเรา และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นในสังคมได้ นางจินตนากล่าวตอนท้าย