นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ให้การต้อนรับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อประชุมหารือแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของกรุงเทพมหานคร โดยมีคณะผู้บริหารการเคหะแห่งชาติ คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ณ ห้องประชุมชั้น 15 อาคาร 1 สำนักงานใหญ่
การเคหะแห่งชาติ ถนนนวมินทร์ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ต้องการจะบูรณาการความร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ อาทิ การจัดหาที่พักอาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง การแก้ปัญหาคนไร้บ้านให้มีที่พักอาศัยใกล้กับสถานที่ทำงาน ความร่วมมือและประสานงานกับองค์กรต่าง ๆ เรื่องบ้านมั่นคง รวมถึงการแก้ปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะของประชาชน ซึ่งทุกปัญหาเป็นนโยบายที่ กทม.ต้องดำเนินการโดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ต้องการผลักดันนโยบาย “กรุงเทพฯ 15 นาที”เพื่อกระจายสวนและพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนเข้าถึงได้ด้วยการเดินภายใน 15 นาที หรือประมาณ 800 เมตร
หากการเคหะแห่งชาติมีที่ดินอยู่ในชุมชนต่าง ๆ หรือสถานที่รกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ กทม.พร้อมที่จะเข้าไปปรับปรุงพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ หรือลานกีฬาใกล้บ้าน และครอบคลุมไปถึงความร่วมมือในการให้ กทม.เข้าไปแก้ปัญหาน้ำท่วมในชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนและร้องเรียนเข้ามา เพื่อปรับปรุงระบบท่อระบายน้ำหรือเข้าไปขุดลอกท่อในชุมชน ซึ่งบางพื้นที่เป็นที่ดินของการเคหะแห่งชาติ รวมถึงโครงการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้นของ กทม. ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการปลูกต้นไม้แล้วกว่า 1,300,000 ต้น จึงขอความร่วมมือจากการเคหะแห่งชาติในการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่าง กทม.กับการเคหะแห่งชาติอีกด้วย
ด้าน นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวถึงการประชุมหารือในครั้งนี้ว่า การเคหะแห่งชาติมีความยินดีที่จะให้การสนับสนุน กทม.ในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้กับชาวกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มคนไร้บ้านให้มีที่พักอาศัย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติได้จัดตั้งบริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มเป้าหมายได้เร็วขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณของภาครัฐ สามารถดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกับ กทม.ได้ ปัจจุบันการเคหะแห่งชาติได้เตรียมความพร้อมเรื่อง PPP เพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนและ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) จัดสร้างโครงการบ้านเคหะสุขประชา “บ้านเช่าพร้อมอาชีพ” เพื่อช่วยเหลือ
ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง และมีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงครอบครัวตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ขณะนี้จัดทำโครงการนำร่อง 2 โครงการ รวมทั้งสิ้น 572 หน่วย ได้แก่ โครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า จำนวน 270 หน่วย และโครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง จำนวน 302 หน่วย นอกจากนี้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า (TOD) ซึ่งจะดำเนินการในพื้นที่ร่มเกล้าและคลองจั่น (ริมบึง) จำนวน 15,000 หน่วย เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่จบการศึกษาใหม่สามารถเดินทางไปทำงานได้สะดวก ใกล้แหล่งงาน รวมถึงโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเดิมและผู้อยู่อาศัยใหม่ จำนวน 20,292 หน่วย ซึ่งโครงการเหล่านี้สามารถตอบโจทย์นโยบายด้านที่อยู่อาศัยของ กทม.ได้เป็นอย่างดี
สำหรับการขับเคลื่อนนโยบาย “กรุงเทพฯ 15 นาที” และการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น ของ กทม. นายทวีพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเคหะแห่งชาติมีพื้นที่ว่างในชุมชนหลายแห่งที่พร้อมจะให้ กทม.เข้าไปปรับปรุงพัฒนาเป็นสวนสาธารณะเพิ่มพื้นที่สีเขียวในชุมชน เพื่อประโยชน์ของชาวกรุงเทพฯ จะได้มีสุขภาพแข็งแรง และมีสิ่งแวดล้อมที่ดี รวมทั้งมีความยินดีที่ กทม.จะเข้ามาปรับปรุงระบบท่อระบายน้ำหรือเข้าไปขุดลอกท่อในชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะต้องหาแนวทางการทำงานร่วมกันต่อไป