นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียในโอกาสที่คณะนักธุรกิจซาอุดีฯ เดินทางเยือนไทย พร้อมด้วยนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายดามพ์ บุญธรรม อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ ผู้แทนภาครัฐและเอกชน ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ตนเชิญประชุมหารือเป็นกรณีพิเศษในการนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้เชิญภาคเอกชนมาประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเตรียมการนำเข้าปุ๋ยอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากท่านนายกรัฐมนตรีนำคณะภาครัฐและเอกชนเปิดสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย มีความคืบหน้าทั้งการค้าและการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนำคณะไปเยือนซาอุดีอาระเบีย จากนี้ไปจะเป็นกิจกรรมเชิงลึกด้านการค้าที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้ามามีบทบาทเพิ่มเติมต่อไป
ประเด็นที่หารือวันนี้คือ การนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งปกติประเทศไทยนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบียผ่านบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดคือ บริษัท SABIC (Saudi Basic Industries Corporation) ซึ่งมีผลผลิตปุ๋ยยูเรียปีละ 2.2 ล้านตันต่อปี และประเทศไทยเป็นลูกค้ารายสำคัญของบริษัท ข่าวดีขณะนี้ทางการซาอุดีอาระเบียเปิดโอกาสให้บริษัทที่ผลิตปุ๋ยของซาอุฯ อีก 2 บริษัทสามารถเจรจาขายปุ๋ยให้กับประเทศไทยได้ จะมี 3 บริษัทใหญ่นอกจาก บริษัท SABIC จะมีบริษัท MA'ADEN (Saudi Arabian Mining Co.) และบริษัท ACO group ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ Alim Investment Co. Ltd. Saudi Arabia ซึ่งเป็นผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ลำดับต้นของซาอุดีอาระเบีย
ประเทศไทยมีการรวบรวมตัวเลขผ่านสภาหอการค้าและสมาคมการค้าปุ๋ยไทยเบื้องต้นมีความประสงค์ซื้อปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบียรวม 8 แสนตัน เป็น ยูเรีย 5.9 แสนตัน ปุ๋ยฟอสเฟต 1.93 แสนตัน และปุ๋ยโพแทสเซียม 2.5 หมื่นตัน ในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะจัด Business Matching จับคู่ธุรกิจให้มีการพบกันระหว่างผู้ส่งออกปุ๋ยรายใหญ่ 3 รายของซาอุฯ กับผู้นำเข้าปุ๋ยของไทยทั้งหมดที่สนใจ ช่วยให้การเจรจาซื้อปุ๋ยจากซาอุฯเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ปัญหาทั้ง 2 ข้อ 1.ให้ประเทศไทยมีปริมาณปุ๋ยพอใช้สำหรับเกษตรกร มีหลักประกันมากขึ้นเพราะมีแหล่งนำเข้าพิเศษเพิ่มเติม และ2.เรื่องของราคาให้เป็นหน้าที่ของเอกชนเจรจาหวังว่าจะได้ต้นทุนที่ต่ำลงเป็นกรณีพิเศษจากความสัมพันธ์ที่มีต่อกันต่อไป
เรื่องที่สอง ที่ภาคเอกชนของซาอุดีอาระเบียจะเดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยมีหอการค้าไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อตอบรับกิจกรรมการค้าการลงทุนระหว่างกันในช่วง วันที่ 4-6 ก.ค. 65 สำหรับกระทรวงพาณิชย์จะจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจให้ระหว่างผู้นำเข้าของซาอุดีอาระเบียที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 100 ราย และผู้ส่งออกไทยร่วมกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 120 ราย ที่ห้างไอคอนสยาม เพื่อจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างกัน หวังว่าจะเพิ่มยอดตัวเลขการส่งออกของไทยไปซาอุฯมากขึ้น ซึ่งจะมีสินค้าที่มีความหลากหลายทั้ง สาขาโทรคมนาคม ไอที ท่องเที่ยว อัญมณี อาหาร เสื้อผ้า แฟชั่น สุขภาพความงาม และบริการโลจิสติกส์ ด้านอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
“ที่สำคัญคือ การแจ้งต้นทุนการนำเข้าจากใบอินวอยซ์ จะชัดเจนต้องแจ้งตามความเป็นจริงมาที่กรมการค้าภายในและเป็นความลับ เพื่อมาระบุเป็นต้นทุนนำไปสู่การจำหน่ายให้กับเกษตรกรต่อไป สำหรับราคาที่ซื้อขายเท่าไหร่เป็นการจับคู่แต่ละกรณีเพราะเงื่อนไขไม่เหมือนกัน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุด้วยว่า กระทรวงพาณิชย์ตามนโยบายของนายจุรินทร์ กำลังเดินหน้าเตรียมจัดกิจกรรมเจรจาการค้าสินค้าปุ๋ยกับ 3 บริษัทปุ๋ยยักษ์ใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย เช่นบริษัท MA'ADEN (Saudi Arabian Mining Co.) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตแร่ธาตุรายใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย บริษัท ACO group ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ Alim Investment Co. Ltd. Saudi Arabia ผู้ผลิตปิโตรเคมี และโพลิเมอร์รายใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย และบริษัท SABIC (Saudi Basic Industries Corporation) ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ อาทิ ปิโตรเคมี โพลิเมอร์ ปุ๋ย และโลหะรายใหญ่ของโลก เพื่อหาแหล่งนำเข้าอื่นทดแทนแหล่งเดิมที่มีปัญหาจากผลกระทบของสงคราม ป้องกันปัญหาปุ๋ยขาดตลาด ซึ่งปัจจุบันได้ประสานไปยังรัฐบาลซาอุดีอาระเบียเพื่อพิจารณาแล้ว และได้รับคำยืนยันว่าซาอุดีอาระเบียยินดีที่จะส่งออกปุ๋ยมาตามจำนวนที่ประเทศไทยต้องการ
อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์การส่งออกว่าจะขยายตัวได้ถึง 6.2% หรือประมาณ 54,691 ล้านบาท ทั้งนี้ปี 2564 การค้ารวมไทยซาอุดีอาระเบียมีมูลค่า 233,075 ล้านบาท ซึ่งประเทศไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบียมีมูลค่า 51,500 ล้านบาทและไทยนำเข้าจากซาอุดีอาระเบีย 181,524 ล้านบาท