นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทางการค้าอย่างยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการไทย จากทั่วทุกภูมิภาค เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มการค้าโลกและความต้องการของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เช่น Climate Change, Green Trade, Carbon Neutrality, Sustainability เป็นต้น โดยได้ผลักดันให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ทางการค้าที่ดีในระดับสากล สร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลก โดยการ นำโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นแนวทางที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการทุกภาคส่วนของไทย
 

 
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้นโยบายที่ชัดเจนและได้ขับเคลื่อนด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ของกระทรวงพาณิชย์อย่างต่อเนื่องในการใช้ประโยชน์จากการค้าชายแดนและผ่านแดน จากการลงพื้นที่ไปที่จังหวัดหนองคายเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมารองนายกฯ จุรินทร์ได้หารือกับภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อการใช้ประโยชน์จากรถไฟจีน-ลาวให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยให้ติดตามแก้ปัญหารวมถึงอำนวยความสะดวกโดยให้บรรจุไว้ในวาระการประชุม กรอ.พาณิชย์
นางมัลลิกา กล่าวว่า "สำหรับประเด็นที่สามารถหาทางออกร่วมกับภาคเอกชนได้ระหว่างการประชุมท่านรองนายกฯ จุรินทร์ก็จะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทันที แต่สำหรับประเด็นที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ทันที ก็จะรับไปดำเนินการต่อด้วยตัวเอง"
ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าผ่านแดนจากไทยไปยังประเทศจีนที่มีความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องครอบคลุมหลากหลายประเด็น เช่น
ประเด็นที่ 1 ปัญหาค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการขนส่งเนื่องจากรถบรรทุกจากประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนหัวรถเมื่อเดินทางไปถึง สปป. ลาว รองนายกฯ จุรินทร์ ได้ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นหารือกับการประชุมร่วมกันกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางการลาวก็ได้รับประเด็นดังกล่าวไปพิจารณา
ประเด็นที่ 2 จำนวนเจ้าหน้าที่และจำนวนชั่วโมงของด่านตรวจสินค้าบริเวณชายแดนระหว่างลาว-จีนและเวียดนาม-จีน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไทยส่งสินค้าผ่านทางบกด้วยรถบรรทุกไปเป็นจำนวนมาก ในประเด็นดังกล่าวนี้ รองนายกฯ จุรินทร์ก็ได้ใช้เวทีการประชุม ไม่ว่าจะเป็นการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 หรือการประชุมร่วมกันกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว โดยได้เจรจาเพื่อขอให้รัฐมนตรีด้านการค้าของเวียดนามและสปป.ลาว พิจารณาเป็นตัวแทนของประเทศในอาเซียนที่มีชายแดนติดกับประเทศจีนช่วยเจรจาให้ทางการจีนอำนวยความสะดวกในการตรวจสินค้าโดยเพิ่มระยะเวลาในการทำการของเจ้าหน้าที่และเร่งเปิดด่านที่ปิดอยู่ในปัจจุบันด้วย
และประเด็นที่ 3 กระทรวงพาณิชย์ประสานงานร่วมกันกับกระทรวงการต่างประเทศในการเร่งเจรจากับรัฐบาลจีนให้เปิดด่านสถานีรถไฟโม่ฮาน โดยได้ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีประจำสำนักงานศุลากรแห่งชาติจีน (GACC) เพื่อขอประชุมหารือผ่านระบบออนไลน์โดยเร็วที่สุด ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอตอบรับจากฝ่ายจีน เชื่อว่าจะสามารถหาทางออกที่เป็นรูปธรรมในขณะที่จีนยังคงมีนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero COVID) อยู่ได้ โดยสามารถรับผลไม้จากประเทศไทยที่มีคุณภาพและปลอดเชื้อโควิดเข้าไปถึงผู้บริโภคในจีนได้อีกด้วย
"ที่ผ่านมานั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ใช้ประโยชน์จากทุกเวทีเพื่อหาทางออกที่จะส่งผลต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการผู้ส่งออกไทย ผู้รับซื้อผลิตภัณฑ์และผลผลิต เกษตรกรผู้ปลูกผักและผลไม้ไทยที่กำลังจะออกผลผลิตจำนวนมากในปีนี้ เมื่อใดที่การขนส่งชายแดนและผ่านแดนไปยังประเทศที่สาม โดยเฉพาะประเทศจีน สามารถกลับไปดำเนินการได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 นั้น ก็จะสามารถสร้างรายได้จากการส่งออกของประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่ามูลค่าการส่งออกในปีที่ผ่านมา ถือเป็นเครื่องจักรตัวเดียวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมาถึงปัจจุบันได้" ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริม
ล่าสุด กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ดำเนินการตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยเพื่อใช้ประโยชน์จากเส้นทางขนส่งผ่านรถไฟจีน-ลาว โดยกิจกรรมดังกล่าวจะรวบรวมความรู้ เพิ่มความชัดเจนด้านเส้นทางการขนส่ง และต่อยอดโอกาสทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ผ่านการจัดงานเสวนาหัวข้อ "โอกาส อุปสรรค และทางออกของผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยในภาคอีสานตอนบนจากการเชื่อมโยงรถไฟจีน - ลาว" ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 เวลา 10:00 - 12:00 น
 
การเสวนาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมาย ผู้แทนจากหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้แก่ นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย รองประธานกรรมการหอการค้าไทย/ประธานหอการค้าภาคอีสาน และนางดวงใจ สุขเกษมสิน เลขานุการหอการค้า จังหวัดหนองคาย พร้อมด้วย ดร. สุรัตน์ จันทองปาน กรรมการบริหารสมาคมไทยโลจิสติกส์และการผลิต และผู้บริหารบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)
ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ 1) โรงแรมรอยัล นาคารา หนองคาย จังหวัดหนองคาย 2) ผ่านช่องทางออนไลน์
ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมได้ที่เว็บไซต์ https://tinyurl.com/Train-china-laos ตั้งแต่วันนี้ - 10 พฤษภาคม 2565
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02 046 6688, 080-229-4499 หรือ 02 507 8419

 
ตลาดสินค้าอาหารไทยสำเร็จรูปในตลาดโลกยังสดใส ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหลังโควิด-19 และความนิยมอาหารไทยที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ผู้ประกอบการส่งออกร่วมกันส่งผลิตภัณฑ์ขอรับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT กันอย่างคึกคัก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศร่วมกับคณะกรรมการทำการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์เพื่อเข้าพิธีรับมอบตราสัญลักษณ์ช่วงปลายพฤษภาคมนี้
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 (COVID-19) ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกเพื่อให้เหมาะกับการใช้ชีวิตในวิถีใหม่ ด้านผู้ประกอบการในหลายธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที โดยสินค้าอาหารเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่มีการปรับตัวอย่างเห็นได้ชัด เพราะผู้คนต่างหันมาปรุงอาหารรับประทานเองที่บ้านมากขึ้น ในหลายประเทศพบว่าแม้ผู้คนจะยังคงต้องการใช้ชีวิตนอกบ้าน แต่เรื่องอาหารยังเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญและเน้นความปลอดภัยเป็นสำคัญ
“ในทุกๆ ปี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะทำการคัดเลือกผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารไทยสำเร็จรูป พร้อมปรุงหรือพร้อมรับประทาน เครื่องแกง น้ำจิ้ม หรือ ขนมไทย เพื่อมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT เพื่อให้ผู้บริโภคหรือร้านอาหารไทยในต่างประเทศสามารถเลือกซื้อเพื่อนำไปปรุงอาหารได้อย่างสะดวกและมีรสชาติตามตำรับอาหารไทย โดยนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ในเรื่องของ “อาหารไทย อาหารโลก” ที่มุ่งเน้นการขยายตลาดอาหารไทยไปตลาดโลกนั้น ทำให้การมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จึงเป็นภารกิจสำคัญที่จะสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในตลาดสากลได้มากขึ้น ปัจจุบันมีการมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ให้กับผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 603 ผลิตภัณฑ์ จาก 54 บริษัท
 
สำหรับกิจกรรมคัดเลือกผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปเพื่อมอบตราสัญลักษณ์ในปีนี้ มีผู้ประกอบการให้ความสนใจสมัครเข้ามาขอรับตราสัญลักษณ์เป็นจำนวนมาก จากการเล็งเห็นอัตราการเติบโตในตลาดต่างประเทศ และต้องการยกระดับมาตรฐานควบคู่กับการส่งเสริมภาพลักษณ์ของสินค้า ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคในตลาดสากล และในปีนี้ได้มีการขยายการมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ให้ครอบคลุมเครื่องปรุงรสสำหรับอาหารไทย เช่น กะปิ น้ำปลา น้ำปลาร้า เป็นต้น เนื่องจากเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในอาหารไทยและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาดต่างประเทศ
 
DITP ได้เปิดรับสมัครผู้ประกอบการที่สนใจส่งผลิตภัณฑ์เข้ารับการคัดเลือกเพื่อขอรับตรา Thai SELECT วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 จนถึง 26 มกราคม 2565 มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ 44 บริษัท เป็นบริษัทรายเดิม 20 บริษัท และบริษัทรายใหม่ 24 บริษัท มีผลิตภัณฑ์ที่ขอใช้ตราถึง 189 รายการ และขอต่ออายุตรา 175 รายการ รวมทั้งสิ้น 364 รายการ ซึ่งตรา Thai SELECT มีอายุในการรับรอง 3 ปี โดย DITP ได้ทำการคัดเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อรับมอบตรา Thai SELECT ไปเมื่อวันที่ 30-31 มีนาคม ที่ผ่าน ซึ่งมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานภายในของกระทรวงพาณิชย์ และกรรมการจากหน่วยงานภายนอก ได้แก่ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร) ผู้แทนสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ผู้แทนสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ผู้แทนสถาบันอาหาร และผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารไทย เข้าร่วมการพิจารณาโดยจะประกาศผลในช่วงปลายเดือนเมษายน และจัดพิธีมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อรับมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ในงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2022 ระหว่างวันที่ 24 – 28 พฤษภาคม 2565
 
โดยคณะกรรมการมีเกณฑ์การให้คะแนนครอบคลุมด้านรสชาติอาหาร ที่จะต้องคงความเป็นไทยและ ใช้วัตถุดิบตามประเภทของอาหารนั้นๆ ด้านนวัตกรรมและคุณภาพของอาหาร หลังการเปิดภาชนะบรรจุออกมาแล้วอาหารยังมีความสมบูรณ์และสวยงาม เมื่อผ่านกระบวนการอุ่นหรือทำให้สุกก่อนรับประทานยังคงมีรูปลักษณ์ที่สวยงามเหมือนการปรุงสด หรือมีการนำนวัตกรรมมาใช้ในการผลิต ด้านการระบุขั้นตอนการเตรียมและประกอบอาหาร ด้าน Food Safety โดยจะต้องมีการรับรองความปลอดภัยจากองค์กรระดับประเทศหรือระดับโลก อาทิ องค์การอาหารและยา หรือ อย. / GMP / GHP / HACCP / ISO / Halal / BRC ด้านบรรจุภัณฑ์ โดยภาชนะ หีบห่อ บรรจุภัณฑ์ และฉลากอาหารต้องมีความสวยงาม เหมาะสมกับอาหาร รวมทั้งมีการระบุรายละเอียด อาทิ ส่วนประกอบ วัตถุดิบ บนฉลากไว้อย่างชัดเจน
 
“ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ไม่ใช่การรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ แต่เป็นสัญลักษณ์การันตีว่าเป็นเมนูอาหารไทยที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบและเครื่องปรุงอาหารตามแบบวิธีการปรุงอาหารไทย ผ่านกรรมวิธีประกอบอาหารที่ใช้เครื่องปรุงตามแบบอย่างอาหารไทย บ่งบอกเอกลักษณ์ มีรสชาติและรูปลักษณ์ของอาหารตามมาตรฐานอาหารไทย ซึ่งมีรายละเอียดแจ้งไว้บนบรรจุในบรรจุภัณฑ์ถนอมอาหารที่ได้มาตรฐานสากลโดยอาหารยังคงมีคุณภาพสมบูรณ์เมื่อเปิดบริโภค เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกมั่นใจได้ว่าสินค้าอาหารไทยสำเร็จรูปที่กำลังจะเลือกซื้อนั้นมีรสชาติและคุณภาพตามที่ต้องการอย่างแน่นอน สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT นั้น จะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของกรม เช่น การประชาสัมพันธ์ในงานแสดงสินค้าอาหาร ในต่างประเทศที่กรมเข้าร่วม การจัดแสดงในคูหานิทรรศการ Thai SELECT ในงานแสดงสินค้า THAIFEX- ANUGA ASIA การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและจับคู่เจรจาธุรกิจโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั่วโลก รวมถึงการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งกรมเชื่อมั่นว่าโครงการและกิจกรรมต่างๆ จะช่วยผลักดันให้การส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปไปยังต่างประเทศนั้นเติบโตได้อย่างยั่งยืน" นายภูสิต กล่าวทิ้งท้าย

คณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เตรียมพร้อมการพัฒนาอุตสาหกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนากำลังคน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การสร้างความเชื่อมั่น และการพัฒนาผู้ประกอบการ พร้อมมุ่งเป้าเพิ่มมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศเป็น 7.1 ล้านล้านบาท
ในปี 2570
ดร.สรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างการประชุมคณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ประจำปี 2565 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนว่า กระทรวงพาณิชย์และเลขานุการคณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้จัดทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) แห่งชาติ ระยะที่ 2 ครอบคลุมปี 2566-2570 ตั้งเป้าให้เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อน e-commerce ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ คาดว่าภายในปี 2570 จะมีมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศ 7.1 ล้านล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10 นับจากปี 2564 ที่มีการสำรวจโดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ล่าสุด โดยพบว่ามูลค่า e-Commerce ภายในประเทศไทยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4.01
 
ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.08 จากปีก่อนหน้า (มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศ ปี 2563 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3.78 ล้านล้านบาท)
“โดยในปี 2565 ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์นั้น ได้ดำเนินงานตามนโยบายของท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ในการเดินหน้าเสริมสร้าง
ขีดความสามารถทางการแข่งขันทางการค้าของผู้ประกอบการไทย ซึ่งรวมถึง SMEs วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกร ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ควบคู่ไปกับการผลักดันให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ทางการค้าที่ดี เป็นที่เชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลก โดยการใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม เช่น ส่งเสริมการขยายตลาดสินค้ากลุ่ม BCG (Bio - Circular - Green Economy) ในยุค New Normal ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และการเจรจาการค้าออนไลน์ (OBM) เป็นต้น”
สำหรับ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570)
ได้กำหนดยุทธศาสตร์ของแผนไว้ทั้งสิ้น 4 ด้าน ได้แก่ 1. การพัฒนากำลังคน พลเมือง และผู้ประกอบการดิจิทัล (Competency Building) 2. การพัฒนาสภาพแวดล้อม และปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Ecosystem and Enabling Factors) 3. การยกระดับความเชื่อมั่นต่อการทำธุรกรรมในอุตสาหกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Trust and Security) และ 4. การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ และส่งเสริมการค้าออนไลน์ทั้งภายในประเทศและข้ามพรมแดน (Enhance and Promotion)
ทั้งนี้ คณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกว่า 30 หน่วยงาน เช่น หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ (กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย เป็นต้น เพื่อร่วมขับเคลื่อนและกำหนดทิศทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทย และมุ่งเป้าให้ “พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยเติบโต เท่าทัน ครบครัน มั่นใจ ปลอดภัย ยั่งยืน”ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้า
 

​​กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โชว์ผลงานดัน Soft Power ครึ่งปีแรก ส่งเสริมผู้ประกอบการ 1,878 ราย สร้างมูลค่าการค้า 3,905 ล้านบาท ผ่านการผลักดันการส่งออกสินค้าอาหาร ผลไม้ ดิจิทัลคอนเทนต์ สุขภาพความงาม และสินค้าสร้างสรรค์อัตลักษณ์ไทย
 
​​นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามนโยบาย Soft Power ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า กรมได้ตั้งเป้าหมายผลักดันการส่งออกใน 4 กลุ่มสินค้าเกี่ยวข้อง ได้แก่ อาหาร ดิจิทัลคอนเทนต์ สุขภาพความงาม และสินค้าสร้างสรรค์อัตลักษณ์ไทย ผ่าน 4 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.บ่มเพาะผู้ประกอบการยุคใหม่ให้มี Mindset ด้าน Soft Power 2.พัฒนาสินค้าสร้างสรรค์อัตลักษณ์ไทย 3.ขยายตลาดสินค้าอาหารไทย อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์และธุรกิจบริการ Wellness Medical Service (WMS) และ 4.ประชาสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ประเทศไทย โดยในปี 2565 มีโครงการสนับสนุนทั้งสิ้น 32 โครงการ ​​ผลการดำเนินการในช่วงครึ่งปีแรกของกิจกรรมสำคัญ ได้แก่
 
​​1.การส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอาหารไทยและธุรกิจบริการอาหารไทยในต่างประเทศ ผ่านการส่งเสริมตราสัญลักษณ์ Thai Select ร่วมกับร้านอาหารและผู้นำเข้าอาหารไทย ดำเนินการแล้ว ใน 16 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น แคนาดา จีน โปแลนด์ เยอรมนี เกาหลีใต้ สาธารณรัฐเช็ก สเปน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และอิตาลี
​​2.การส่งเสริมตลาดธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องสู่ตลาดต่างประเทศ (ภาพยนตร์ เกม แอนิเมชั่น คาแรคเตอร์) มีแผนดำเนินการ 4 ประเทศ (สหรัฐฯ ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น) และรูปแบบออนไลน์ ดำเนินการแล้ว 4 โครงการ ได้แก่ American Film Market 2021 (Online), Kidscreen Summit Virtual 2022 กิจกรรม Content Pitching และการเข้าร่วมงาน Global Game Exhibition G-Star 2021 ผู้ประกอบการเข้าร่วม 30 ราย สร้างมูลค่าการค้า 1,181 ล้านบาท
 
​​3.การส่งเสริม Wellness Medical Service สุขภาพความงาม ใน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจีน โดยการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สปา/สมุนไพร ในงาน Beauty Expo และ Beauty World Middle East 2021 (รูปแบบ Mirror & Mirror) ผู้ประกอบการเข้าร่วม 29 ราย มูลค่าเจรจาการค้า 62.09 ล้านบาท
​​4.การบ่มเพาะผู้ประกอบการ เพื่อสร้าง Mindset ด้าน Soft Power ผ่านโครงการกระจายความรู้สู่ผู้ประกอบการยุคใหม่ (From Gen Z to be CEO) และ Salesman จังหวัด Go Intern ดำเนินการพัฒนาผู้ประกอบการและ Salesman จังหวัดยุคใหม่แล้ว 1,652 ราย
​​5.การส่งเสริมสินค้าสร้างสรรค์และอัตลักษณ์ไทย ผ่านโครงการส่งเสริมนักออกแบบ สินค้า/บริการนวัตกรรม และพัฒนาส่งเสริมสินค้า OTOP อยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าและผู้ประกอบการดำเนินการแล้ว 72 ราย มูลค่าการค้า 14.39 ล้านบาท
​​6.การส่งเสริมแบรนด์ประเทศไทย ผ่านตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark และการส่งเสริมสินค้า ที่มีการออกแบบดี ตลอดจนการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการศักยภาพไทยสู่ตลาดโลกผู้ประกอบการ 95 ราย
นอกจากนี้ นายภูสิตกล่าวว่า กรมได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ กับการผลักดันการส่งออกผลไม้ในปีนี้ ที่ผ่านมา ได้จัด Online Business Matching สำหรับฤดูผลไม้ภาคตะวันออก กับผู้นำเข้าทั่วโลก ไปแล้ว 2 ครั้ง สร้างยอดขายกว่า 2 พันล้านบาท และกำหนดจัดอีกครั้งในเดือน ก.ค. 65 สำหรับฤดูผลไม้ภาคใต้และภาคเหนือ ตลอดจนมีแผนจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ร่วมกับห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศอีก 9 โครงการ ที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้มี 2 งานได้แก่ 1.งาน Taste of Thailand ณ กรุงโซล เกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 8-28 เม.ย.2565 สินค้ายอดนิยม ได้แก่ มะม่วง มังคุด ทุเรียนและสับปะรด คาดการณ์มูลค่าการสั่งซื้อ 29.7 ล้านบาท และ 2. เทศกาลอาหารและผลไม้ไทย ณ กรุงไทเป ไต้หวัน ระหว่างวันที่ 7-20 เม.ย.2565 ร่วมมือกับ Breeze super ซุปเปอร์มาร์เก็ตไฮเอนด์ เปิดตัวทุเรียนสดพร้อมทานจากไทยขายในไต้หวันครั้งแรก และในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. 65 กำหนดจะจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ “Thai Fruit Golden Months” ส่งเสริมการขายผลไม้ไทยในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ใน 13 เมืองกระจายทั่วประเทศจีน เพื่อส่งเสริมการบริโภคและส่งออกผลไม้ไทย
สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169
เนื้อหาที่เปิดอ่าน
2444722

ค้นหา

Taik Today
Happy senson
มอเตอร์โชว์ 2024
กรมกิจการเด็กและเยาวชน

295466102 429534495856847 6257938790570699089 n

Indrajitu Slot Indrajitu Slot Gacor indrajitu sateslot ayambet slot gacor hari ini acong88 ayambet sate slot indrajitu megaforwin nasgorbet Ayambet Indrajitu Megaforwin Nasgorbet Sateslot https://103.123.158.92/vvip/ Ayambet Indrajitu Megaforwin Sateslot Bimatoto Plnslot Buditogel Nasgorbet Acong88 Ayambet Indrajitu Megaforwin Nasgorbet Plnslot Sateslot Ayambet Indrajitu Megaforwin Nasgorbet Sateslot gacor slot terpercaya sibela Indrajitu Indrajitu