นิทรรศการ “ร้องรำทำเพลง: คีตศิลป์แห่งนครศรีธรรมราช” ภายใต้โครงการแผนงานโครงการวิจัยการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมแห่งชาติ ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และวิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช โดย รองศาสตราจารย์ ดร.น้ำฝน ไล่สัตรูไกล ประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดการนิทรรศการ ได้ใช้แนวคิดของความสนุกสนานและเสียงดนตรีมานำเสนอผ่านในรูปแบบภูมิปัญญาของงานช่างหัตศิลป์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านงานหัตถศิลป์จากคีตศิลป์ และศิลปะการแสดงอันเป็นเอกลักษณ์และส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของนครศรีธรรมราชและภาคใต้ อาทิ หนังตะลุง เครื่องแต่งกายโนรา ลูกปัดโนราและเทริดโนรา และงานกรงนกกรงหัวจุกที่มีเทคนิคและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่รังสรรค์ขึ้นผ่านวัสดุจากท้องถิ่น เพื่อเผยแพร่ศิลปะและหัตถศิลป์ท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยงานนิทรรศการจะจัดขึ้นทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ระหว่างวันที่ 8 – 31 มีนาคม 2566 ณ บ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ ถนนราชดำเนิน จังหวัดนครศรีธรรมราช
หนังตะลุง โลกทัศน์ของชาวใต้ผ่านแสงและเงา
หนังตะลุง อันเป็นหนึ่งในมหรสพการแสดงเงาของไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบทพูดและบทกลอนขับกล่าวในการแสดงที่สร้างความครื้นเครงและสนุกสนามให้กับผู้ที่ได้รับชม ตัวหนังตะลุงแต่ละตัวภายในงานถูกรังสรรค์ขึ้นผ่านฝีมือของครูช่างทำหนังตะลุงซึ่งหนังตะลุงแต่ละตัวล้วนจะมีรูปลักษณ์และบทบาทที่แตกต่างกันไป ตามแต่แนวคิดการออกแบบของครูช่างแต่ละท่าน โดยแนวคิดการออกแบบตัวหนังตะลุงมักจะมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตและเหตุการณ์สำคัญของชาวใต้และประเทศในขณะนั้น ซึ่งเป็นการบันทึกและสะท้อนสภาพสังคม ค่านิยมและโลกทัศน์ของชาวใต้ในแต่ละช่วงเวลาไว้
มโนราห์ จากมรดกทางวัฒนธรรมแห่งปักษ์ใต้สู่มรดกโลก
ห้อง “โนรา” จัดแสดงมหรสพการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของชาวใต้ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ซึ่งในห้องจัดแสดงนี้จะเป็นการนำเสนอมุมมองของโนราออกมาในเรื่องของงานช่างหัตถศิลป์ของโนรา อันได้แก่ เครื่องแต่งกายโนราที่มีพัฒนาการในแต่ละยุคสมัยจากชุดแบบโบราณสู่การออกแบบร่วมสมัยในการนำหัวนะโมมาออกแบบผ่านลูกปัดบนเครื่องแต่งกายโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุพัฒน์ นาคเสน และเครื่องประดับของชุดโนราที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีพัฒนาการของเครื่องแต่งกายที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเทริดที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญและมีคุณค่าทางด้านความเชื่อและจิตใจของลูกหลานชาวโนรา โดยภายในงานได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุพัฒน์ นาคเสนที่มอบ เทริดชั้นครูของโนรายก ชูบัว ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (โนรา) มาจัดแสดงในงานนี้ด้วย
คีตศิลป์จากปักษาสู่งานหัตถศิลป์แห่งนครฯ
คีตศิลป์จากธรรมชาติ เสียงดนตรีจากนกกรงหัวจุกตัวน้อยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของชาวใต้ บทเพลงจากนกกรงหัวจุกตัวน้อยนี้เองที่เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นสำคัญของการรังสรรค์งานช่างหัตถศิลป์กรงนกขึ้นมาเพื่อให้นกอันเปรียบได้กับสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวได้อาศัยอยู่และขับกล่อมให้เสียงอันไพเราะฟังในทุกวัน ซึ่งภายในมีการจัดแสดงกรงนกที่มีลักษณะลวดลายและเทคนิคที่แตกต่างกันไป กรงแต่ละกรงนั้นยังคงสะท้อนถึงความประณีตและความงามของฝีมือครูช่างที่ได้สร้างสรรค์กรงนกเหล่านี้ขึ้นมาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองนครฯและภาคใต้ เช่น กรงนกโบราณทรงโบกี้รถไฟ กรงนกฝังมุกไฟลวดลายดอกไม้ กรงนกแกะงาช้าง
สัมผัสสุนทรียะและร่วมกิจกรรมผ่านงานช่างศิลป์ปักษ์ใต้แบบฉบับเมืองนครฯภายในงานนิทรรศการ
นิทรรศการ “ร้องรำทำเพลง: คีตศิลป์แห่งนครศรีธรรมราช” นอกจากการเผยแพร่ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านงานช่างหัตถศิลป์จากวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของนครศรีธรรมราชในมุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิมแล้ว ภายในงานยังมีการถอดสุนทรียะของงานหัตถศิลป์เหล่านี้โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ และมีการจัดพื้นที่กิจกรรมการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชนในด้านการต่อยอดงานหัตถศิลป์ท้องถิ่นอันควรค่าแก่การอนุรักษ์รักษาไว้ผ่านกิจกรรมลูกปัดโนราซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องลูกปัดบนเครื่องต่างกายชุดโนรา ซึ่งจะเป็นการเปิดประสบการณ์ให้เยาวชนและผู้ที่สนใจได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และเรียนรู้องค์ความรู้ทางภูมิปัญญาของท้องถิ่น ทางคณะผู้จัดนิทรรศการจึงขอเชิญชวนแขกผู้มีเกียรติทุกท่านมาร่วมสนุกและสัมผัสมรดกทางภูมิปัญญาของงานช่างหัตถศิลป์เมืองนครศรีธรรมราชและปักษ์ใต้ไปด้วยกัน
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ “ร้องรำทำเพลง: คีตศิลป์แห่งนครศรีธรรมราช” ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ระหว่างวันที่ 8 – 31 มีนาคม 2566 ณ บ้านท่านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์ ถนนราชดำเนิน จังหวัดนครศรีธรรมราช