เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่กระทรวงศึกษาธิการ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ จัดงานแถลงข่าวการสรรหาครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 5
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า บทบาทของครูนับเป็นบทบาทที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่นักเรียนต้องเผชิญกับภาวะสูญเสียการเรียนรู้ หรือ Learning Loss จากการปิดสถานศึกษาในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรายงานของยูเนสโก ร่วมกับยูนิเซฟ และธนาคารโลก พบว่า มีเด็กอย่างน้อย 1.6 พันล้านคน ใน 188 ประเทศที่สุ่มเสี่ยงต่อภาวะสูญเสียการเรียนรู้ มาตรการของกระทรวงศึกษาธิการคือการเปิดโรงเรียนอย่างปลอดภัย และ “ครู” ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการฟื้นฟูการเรียนรู้ของผู้เรียน ด้วย 3 มาตรการที่สำคัญคือ 1. ครูเป็นผู้ที่สามารถประเมินความรู้และทักษะของนักเรียนเพื่อการพัฒนารายบุคคล เพราะนักเรียนมาจากความพร้อมของครอบครัวและความสามารถในการเรียนรู้ที่ต่างกัน 2. ครูจะต้องมีทักษะในการสอนเสริมเพิ่มเติมความรู้ให้นักเรียน เช่น ใช้กระบวนการสอนเสริมนอกเวลาเรียน หรือการซ่อมเสริมพิเศษในช่วงปิดภาคเรียนเพื่อให้สามารถเติมเต็มความรู้ได้ทัน และ 3. ครูควรมองเห็นและระบุปัญหาทางจิตใจ อารมณ์ สังคมของนักเรียนซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากวิกฤติของโรคระบาดและผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคม โดยสามารถให้คำปรึกษาในเบื้องต้น หรือส่งต่อไปยังหน่วยงานทางสาธารณสุข
“บทบาทครูมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกู้วิกฤติภาวะสูญเสียการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งกำลังเผชิญสถานการณ์เช่นเดียวกันนี้ทั่วโลก จึงขอเป็นกำลังใจให้กับครู และเป็นโอกาสอันดีที่สังคมจะร่วมกันยกย่อง เห็นคุณค่าครูผู้อุทิศตนเป็นแบบอย่าง จึงขอเชิญชวนลูกศิษย์และคนในสังคมร่วมกันเสนอชื่อครูในรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีในครั้งนี้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว
ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี กล่าวว่า รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เป็นรางวัลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เจ้าฟ้านักการศึกษา และเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติแก่ครูผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์ และมีคุณูปการต่อการศึกษา ในประเทศอาเซียนและติมอร์ เลสเต รวม 11 ประเทศ โดยจะมีการสรรหาในทุก 2 ปีครั้ง ประเทศละ 1 รางวัล จากความร่วมมือของกระทรวงศึกษาธิการทั้ง 11 ประเทศ
ดร.กฤษณพงศ์ กล่าวว่า สำหรับการคัดเลือกครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2565 ในส่วนของประเทศไทย กลไกการสรรหาจะงประกอบด้วย คณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัด และคณะกรรมการคัดเลือกส่วนกลาง เพื่อร่วมกันสรรหาครูผู้มีคุณสมบัติ เป็นครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงชีวิตศิษย์ และมีคุณูปการต่อวงการศึกษา โดยมีประสบการณ์สอนอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 15 ปี ซึ่งเป็นครูหรือเคยเป็นครูผู้สอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในสถานศึกษาของรัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือเคยเป็นครูนอกสถานศึกษาที่สอนผู้เรียนในวัยการศึกษาขั้นพื้นฐาน และไม่เป็นครูสอนพิเศษเป็นอาชีพหลัก
“การสรรหาครูในครั้งนี้จะเปิดให้ผู้มีสิทธิเสนอชื่อครูมาจาก 5 กลุ่ม คือ 1. ลูกศิษย์ที่เป็นศิษย์เก่า อายุไม่น้อยกว่า 25 ปี 2. สถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 3. สมาคม มูลนิธิ องค์กรซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลและมีภารกิจส่งเสริมการเรียนรู้ 4. คณาจารย์ในระดับอุดมศึกษา รวมกันไม่น้อยกว่า 3 คน ทั้ง 4 กลุ่มนี้เสนอชื่อครูมาที่คณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัด หรือ www.PMCA.or.th และกลุ่มที่ 5 คือ องค์กรที่มีการพิจารณาคัดเลือกครูทั้ง 7 แห่ง โดยจะมีการเปิดรับการเสนอชื่อได้นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึง ต.ค. 2565 และจะมีการพิจารณาตัดสินในวันที่ 18 เม.ย. 2566 เพื่อเข้ารับพิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ในวันที่ 17 ต.ค. 2566 ซึ่งรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จะประกอบด้วย เหรียญทอง เข็มเชิดชูเกียรติทองคำพระราชทาน เกียรติบัตร โล่ประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล 10,000 เหรียญสหรัฐ ส่วนในประเทศไทยมีรางวัลเพิ่มเติมได้แก่ รางวัลคุณากร 2 รางวัล รางวัลครูยิ่งคุณ 17 รางวัล และรางวัลครูขวัญศิษย์ เพื่อเชิดชูครูในแต่ละจังหวัด จึงถึงเวลาแล้วที่ลูกศิษย์ทั่วประเทศจะมาร่วมกันระลึกถึงครูที่เปลี่ยนแปลงชีวิตและทุ่มเททำงาน โดยเสนอชื่อครูมาที่ www.PMCA.or.th” ประธานกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี กล่าว
ดร.บูรพาทิศ พลอยสุวรรณ์ รองเลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า บทบาทของครูคุณภาพ ย่อมส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงของลูกศิษย์ให้มีคุณภาพ ซึ่งการปฏิรูปการเรียนรู้ที่สำคัญและไปถึงห้องเรียนได้เร็วที่สุดคือ การปฏิรูปครู การสรรหาครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีจึงเป็นการสร้างค่านิยมของสังคมที่ร่วมกันเห็นคุณค่าครูที่มุ่งการเปลี่ยนแปลงที่ชีวิตลูกศิษย์เป็นสำคัญ ทั้งนี้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ในฐานะองค์กรร่วมให้การสนับสนุน ซึ่งนอกจากจะสนับสนุนการดำเนินงานสรรหาแล้ว จะมีการทำงานร่วมกับเครือข่ายครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ทั้งในประเทศรวมทั้งในอาเซียนและติมอร์-เลสเต รวม11 ประเทศ