เมื่อเวลา 16.30 น. ก่อนเข้าสู่การแสดงจริง คิมซูฮยอนก็ไม่พลาดที่จะพบปะกับพี่ๆสื่อมวลชนไทยในงานแถลงข่าวแฟนมีตติ้ง ซึ่งจัดขึ้น ณ ห้อง Sapphire 108 อิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี แค่เปิดตัวก็เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นจากพี่ๆสื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าว ก่อนจะอ้อนต่อด้วยภาษาไทยว่า “สวัสดีครับ ผมคิมซูฮยอนครับ ขอบคุณครับ ยินดีนะครับ” ทำเอากองทัพสื่อมวลชน และดีเจนุ้ย ธนวัฒน์ พิธีกรคนดังของงาน ใจระทวยไปตามๆกัน ท่ามกลางบรรยากาศเป็นกันเอง ใกล้ชิด สนุกสนาน  ก่อนหยอดคำหวานให้ด้อมไทยอีกกรุบว่า “ชอบทานข้าวเหนียวมะม่วงและที่เมืองไทยอร่อยที่สุด” พร้อมยังอยากบอกกับทุกคนว่าประทับใจเมืองไทยมาก “คนไทยทุกคนยิ้มสวยมาก” สร้างเสียงกรี๊ดอีกรอบจากพี่ๆสื่อมวลชน

 

      มาถึงช่วงเวลาของการแสดงที่ทุกคนรอคอย บรรยากาศภายในฮอลล์ เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่พระเอกซุปตาร์คิมซูฮยอน ปรากฏตัวบนเวที เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มไปทั่วทั้งฮอลล์ ภายในงานเต็มไปด้วยพลังแห่งความรัก และความสนุกสนาน การแสดงเปิดตัวด้วยเพลงฮิตที่คิมซูฮยอนร้องสดๆ ด้วยพลังเสียงเพราะเกินต้าน ท่ามกลางโปรดักชั่นสุดอลังการ สลับกับแสง สี เสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมกับเอฟเฟ็คประกอบ ในระดับบิ๊กคอนเสิร์ต ที่กรังด์ปรีซ์ สเปกตรัม ผู้จัดฯ ได้ทุ่มสุดตัวเพื่อสร้างความประทับใจ และอยากเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้ทุกคนในฮอลล์รู้สึกเหมือนได้เข้าร่วมงานคอนเสิร์ต ซึ่งถือเป็นอีกมิติของการจัดงานแฟนมิตติ้งเมืองไทย จนเกิดไวรัลโซเชียล ตั้งแต่การแสดงเพิ่งเริ่ม อาทิ #นี่มันแฟนมีตหรือมินิคอนเสิร์ต  หรือแม้แต่วลี #ทำถึงมาก และ #ฉ่ำ จากความน่ารักในการพูดภาษาไทยของคิมซูฮยอน ก็พุ่งฮิตติดเทรนด์อย่างรวดเร็ว ประกอบกับไหวพริบ ความช่ำชอง น่ารัก และสนุกนานของ ดีเจนุ้ย ที่ทำหน้าที่พิธีกรในงาน ซึ่งดูเหมือนจะเข้าขา รับ-ส่ง ตบมุขกับศิลปินตลอดการแสดง สร้างความสุข ความฮา และเสียงหัวเราะสนั่นธันเดอร์โดม  

 

      มาถึงช่วงท้ายเป็นซีนที่อบอุ่นในหัวใจทั้งตัวศิลปินและแฟนคลับ เพราะ คิมซูฮยอน ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ ชาวไทยเท่านั้น แต่เขายังได้รับความรักจากแฟนคลับไทยกลับไปเต็มๆ ด้วยคลิปวิดีโอเซอร์ไพรส์สุด พิเศษจากแฟนคลับชาวไทย ตลอดช่วงเวลาที่คิมซูฮยอนดูคลิปไปพร้อมๆกับทุกคนในฮอลล์ จากต้นคลิปได้รวบรวมผลงานสุดฟิน สร้างเสียงกรี๊ดอย่างสนุกสนานดังไปทั่วฮอลล์อีกรอบ สลับรอยยิ้มปนเสียงหัวเราะอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงช่วงท้ายของคลิป  คิมซูฮยอนเริ่มมีน้ำตารื้น คลอเบ้าให้เห็นเป็นระยะ เมื่อได้รับรู้และสัมผัสถึงความรัก ความผูกพันที่เหนียวแน่น และยั่งยืนมาอย่างยาวนานของแฟนๆ ชาวไทยที่มีให้กับเขา  ผ่านภาพแห่งความทรงจำ พร้อมข้อความที่คอยซัพพอร์ตเขาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการมาร่วมงานแฟนมิตติ้งทุกครั้งของเขา การส่งกำลังใจผ่านทางโซเชียลมีเดียในวันสำคัญต่างๆ ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นว่าทุกๆ ช่วงเวลาของเขา จะยังมีแฟนคลับชาวไทยคอยมอบความรัก ความห่วงใย เป็นกำลังใจ และคอยสนับสนุน ติดตามทุกๆ ผลงานของเขาเสมอมา นับตั้งแต่ผลงานชิ้นแรก จนถึงผลงานปัจจุบันที่สุดโด่งดัง ถือเป็นบทสรุปส่งท้ายที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก สร้างความซาบซึ้ง และความรู้สึกอบอุ่น ที่เอ่อล้นจนพระเอกคิมซูฮยอนสุดจะกลั้นน้ำตาไว้ได้ ก่อนจะกล่าวขอบคุณแฟนๆ ของเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมาก และขอบคุณทุกคนจากใจจริง ทุกครั้งที่ผมมาที่นี่ ผมรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน ความรัก และการสนับสนุนของทุกคนมีความหมายกับผมมาก ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างผมเสมอ " ทำให้แฟนๆ ชาวไทยยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ สุดท้ายทำเอาทั้งฮอลล์ ต้องเสียน้ำตาไปตามๆกัน

 

      ก่อนปิดท้ายการแสดง ด้วยเพลงพิเศษที่คิมซูฮยอนเตรียมมาเพื่อแฟนๆ ชาวไทยที่เต็มไปด้วยความหมายและความรักที่เขาต้องการส่งมอบให้กับทุกคนในฮอลล์ ผ่านพลังเสียงทรงพลัง ที่เพราะจับใจไม่แพ้นักร้องอาชีพ เป็นการปิดฉากงานแฟนมิตติ้งที่แสนสวยงาม ฉ่ำไปด้วยความอบอุ่น ซาบซึ้งใจ น่าจดจำ แฟนคลับด้อมไทยต่างประทับใจไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน

 

      สำหรับบรรยากาศโดยรอบบริเวณงานนอกจากแฟนๆจะได้ฟินฉ่ำไปกับงาน 2024 KIM SOO HYUN ASIA TOUR IN  BANGKOK แล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมสนุกๆ จาก Y.O.U ที่มาร่วมสร้างสีสันพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่งานแฟนมิตครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มแฟนคลับ ที่พลาดการซื้อบัตรเข้าชมงานที่จำหน่ายหมดตั้งแต่ครึ่งวันแรกของการเปิดขาย ต่างยกขบวนมาคอยซัพพอร์ต ให้กำลังใจพระเอกคิมซูฮยอนแน่นบริเวณด้านหน้าธันเดอร์โดม

 

      กรังด์ปรีซ์ฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกหนึ่งความสามารถในการจัดแสดงงานสายธุรกิจบันเทิงที่ทำได้อย่างยิ่งใหญ่ ไม่แพ้การจัดงานแสดงยานยนต์ ที่มีชื่อเสียงมาแล้วทั่วภูมิภาคอาเซียน  และมั่นใจได้เลยว่างานแฟนมิตติ้งของคิมซูฮยอน “2024 KIM SOO HYUN ASIA TOUR IN BANGKOK” ที่เพิ่งปิดฉากลงในครั้งนี้จะเป็นที่จดจำ และเกิดกระแสให้พูดถึงในวงการบันเทิงแฟนมิตติ้งไทย นอกจากสร้างความประทับใจไปเต็มๆแล้ว ยังเป็นการประกาศจุดยืนที่แข็งแกร่งของการก้าวข้ามจากสายธุรกิจยานยนต์เดิมที่ดำเนินมายาวนานกว่า 50 ปี  สู่ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (Entertainment) อย่างเต็มตัว พร้อมสร้างความเชื่อมั่น น่าเชื่อถือในธรุกิจบันเทิง ภายใต้ชื่อ กรังด์ปรีซ์ สเปกตรัม (Grandprix Xpectrum) อย่างเต็มภาคภูมิ