วันนี้ (1 ตุลาคม 2565) เวลา 09.00 น. นางสาวชวนชม จันทะวงษ์ รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นประธานในพิธีเปิดงานและสนับสนุน มหกรรมวันผู้สูงอายุสากล ครั้งที่ 3 ประจำปี 2565 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 25 ชั้น ชั้น 24 การกีฬาแห่งประเทศไทย แขวงหัวหมาก บางกะปิ กทม. โดยภายในงานกรมกิจการผู้สูงอายุ ได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ต่าง ๆ ด้านผู้สูงอายุ อาทิ การเตรียมความพร้อมของประชากรก่อนเข้าวัยสูงอายุ สิทธิและสวัสดิการผู้สูงอายุ เป็นต้น และมอบใบประกาศให้กับผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้
นางสาวชวนชม จันทะวงษ์ รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าวว่า วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันผู้สูงอายุสากล” (International Day of Older Persons) โดยองค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) กำหนดขึ้นเป็นครั้งแรก ในวันที่ 1 ตุลาคม 2534 ได้ให้ความหมายคำว่า “ผู้สูงอายุ” คือ บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไปทั้งชายและหญิง ซึ่งกำหนดให้มี “วันผู้สูงอายุสากล” เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของผู้สูงอายุที่ได้สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้กับสังคมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2565 UN ได้ประกาศแนวคิดหลักวันผู้สูงอายุสากลประจำปี 2565 คือ “พลังและการมีส่วนร่วมของสตรีสูงอายุ (The Resilience and Contributions of Older Women)” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงพลังของสตรีสูงอายุที่ประสบกับความไม่เท่าเทียมทางสภาพแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจมาทั้งชีวิต เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการจัดเก็บข้อมูลโดยจำแนกอายุและเพศ และเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก UN หน่วยงานภายใต้ UN UNWOMAN และภาคประชาสังคม กำหนดนโยบายโดยมีสตรีสูงอายุเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้มั่นใจว่าเกิดความเท่าเทียมทางเพศ
นางสาวชวนชม จันทะวงษ์ รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กรมกิจการผู้สูงอายุ ในฐานะหน่วยงาน ที่ได้ดำเนินภารกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ การจัดสวัสดิการ และการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุ ได้ตระหนักและได้ส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศมาตลอด โดยมุ่งสร้างความร่วมมือภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน สร้างความรู้ความเข้าใจการรับรู้ของสังคม ส่งเสริมเกิดความเสมอภาคอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังได้เชิญชวนทุกท่านส่งความห่วงใยให้กับผู้สูงอายุ เนื่องในวันผู้สูงอายุสากล โดยร่วมพลังและมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ ดูแล คุ้มครองพิทักษ์สิทธิ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุทุกคน ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป